13 พฤษภาคม 2555

ประวัติน้ำหนักของข้าพเจ้า และ วิธีควบคุมน้ำหนักเบื้องต้น (แบบไม่รู้ตัว)

ช่วงนี้ได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับเรื่องอ้วนๆบ่อย เห็นหลายคนบ่นว่าอ้วน (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อ้วนเล้ย) หรือการลดน้ำหนักขั้นเทพของหลายๆคน ก็โอเค มันก็ดีนะ แต่เราสงสัยไง สงสัยว่าตัวเองก็กินไม่ใช่น้อยๆนะ ทำไมมันผอมจังฟะ คือแบบ ถ้ากินน้อยๆซัก 2-3 วัน (เช่น กินข้าวแค่มื้อละจาน ไม่มีขนมอะไรเลย)

น้ำหนักจะลงไปอย่างน้อย 1 กิโลแน่ๆ TwT

มาดูประวัติน้ำหนักของข้าพเจ้าดีกว่า

แรกเกิด - ประถมต้น: แรกเกิดก็ตัวเล็กๆ หนักแค่ 2.5 โลเอง แม่บอกว่าเลี้ยงยาก กินยากมาก ต้องงัดกลวิธีต่างๆนานา เช่น เอาไข่แดงสุกผสมนมให้ดื่ม และเป็นเด็กเกลียดผักขั้นเทพ ปนในอาหารนิดเดียวก็เอาออกจากปากหมด เทพป่ะล่ะ พอเข้าวัยเรียน ก็ยังกินน้อย กินยากอยู่ดี

ประถมปลาย - ม.ต้น: ตอนนี้เริ่มอวบ น้ำหนักกำลังพุ่งเลย เริ่มกินไม่เลือก โดยเฉพาะช็อกโกแลตนี่โปรดมาก มีดองไว้เต็มตู้เย็น กินเรื่อยๆไม่ขาดปาก คนอื่นๆเห็นก็คงมองว่าปกติอะ แต่อยู่บ้านโดนด่าไออ้วนตลอด TwT ตอนนั้นน้ำหนักพุ่งสูงสุดน่าจะประมาณ 48 กิโลมั้ง แต่อยู่โรงเรียนใส่เสื้อหลวมโคตร พลางหุ่น ฮ่าๆ

ม.ปลาย: น้ำหนักจะอยู่ที่ช่วง 46-48 กิโล ใส่เสื้อหลวมเหมือนเดิม ไม่มีใครดูออกอยู่ดี แต่ก็มีเพื่อนคนนึงอุตส่าห์ด่าว่าอ้วนประจำ แต่ก็ไม่สนใจนะ เพราะน้ำหนักกะส่วนสูงมันสัมพันธ์กันพอดี แล้วก็โตขึ้นด้วย น้ำหนักเยอะแต่กระดูกมันก็โตตาม ไม่เป็นไรหรอก ฮี่ๆ

ตอนนั้นไม่รู้เลยว่า พอขึ้นมหา'ลัย มันจะยังผอมลงไปได้อีก อย่างไม่น่าเชื่อ o_O

มหา'ลัย: ขึ้นมาปี 1 ก็ทำพิษเลยคับ เนื่องจากพฤติกรรมการกินมันเปลี่ยนอย่างรุนแรง ไปกินข้าวตามเพื่อน คนเยอะๆ สั่งเบิ้ลก็ไม่ค่อยได้ ไม่อยากให้เพื่อนรอ เสาร์อาทิตย์ไม่มีเรียนพิเศษอีกแล้ว ไม่ได้กินเล่นเหมือนเคย น้ำหนักลงไปอยู่ที่ 44 กิโลแบบงงๆ (เท่ากับตอนอยู่ ม.1 เลยอะ!) เอ่อ แสดงว่าที่เค้าด่าว่าอ้วนๆกันเนี่ย สงสัยจะจริงแฮะ 555

ปล. น้ำหนักช่วง 45-47 กิโล จะไม่ค่อยมีคนเห็นความต่างเท่าไหร่ ฉะนั้นเลย prefer 47 กิโล 5555

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มไปทัวร์กินกับเพื่อนๆ น้ำหนักก็กลับมาขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 46-47 อะ แล้วก็กลับมาหนักโคตรๆ ตอนไปอเมริกา เนื่องจากโดนน้าสาวกับน้าเขยขุนเป็นอย่างดี กินหรู 3 มื้อ แต่ล่ะมื้อใหญ่มวากกกก ขึ้นมาหนัก 49 กิโล เกือบๆ 50 แหนะ

อ่อ ไม่ต้องสงสัย ไม่เคยขึ้นถึง 50 อยู่แล้ว ได้แค่นี้แหละ

แล้วน้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์เหมือนตอนอยู่ ม.ปลายพักนึง หนักสุดๆช่วงนั้นก็คือ 48.9 กิโล (ยังอุตส่าห์ .9 แต่มันเป็นงั้นจริงๆ) เคยชั่งน้ำหนักให้เพื่อนดู ดูเพื่อนๆจะไม่ค่อยเชื่อ คิดว่าเราหนัก 45 กัน กำ = =" ตั้งแต่อยู่มหา'ลัยมานี่แปลกมาก คือไม่ว่าจะหนักกี่โลคนก็จะทักว่าผอม = =a บางทีน้ำหนักขึ้นตั้งเยอะ ก็โดนทักว่าผอม เอ้อวว ทำตัวไม่ถูกนะฮับ

หลายคนบ่นๆว่าอ้วนกัน จริงๆมันอาจจะแค่ไม่เฟิร์มเฉยๆรึเปล่า คือบางครั้งลดน้ำหนักก็ไม่ช่วยอะไรนะ อย่างเราน้ำหนักน้อยจะแย่ ยังรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนเกินเลย ฮ่าๆ กล่าวคือ ไม่ค่อยได้ออกกำลัง กล้ามเนื้อมันเริ่่มย้วยแล้ว จะบ้าตาย

แต่เรื่องออกกำลัง เก็บลงกรุไปก่อน เนื่องจากเจ้าของบล็อกเองก็ใช้วิธีแค่เดินไปเรียน = ออกกำลัง 555 ส่วนเรื่องสารอาหารที่กินไปในแต่ละมื้อ ต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาในแต่ละคนด้วย เพราะเราเลือดค่อนข้างจางอะ มันต้องกินเสริมเยอะกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว และเป็นคนที่เผาพลาญดีมาก วันไหนอากาศร้อนๆอาบน้ำแค่เดินออกมาสองสามก้าว เหงื่อเต็มหลังแล้ว = ="



ดูวิธีการควบคุมน้ำหนักแบบไม่รู้ตัวของข้าพเจ้ากันดีกว่า

  • ข้าว หรือพวกอาหารจำพวกแป้งสำคัญมาก ปกติเป็นคนกินข้าวน้อย อัตราส่วนข้าว:กับ นี่คือประมาณ 1:2 เลย เพราะแม่สอนมาดี แม่บอกว่า เข้าร้านอาหารให้กินกับเยอะๆ อย่ากินแต่ข้าว ไม่คุ้ม  (ตอนนั้นมีคนจ่ายให้) 555
  • อย่าตะกละ กินพออิ่ม หิวก็กิน กินไปเหอะ อยากกินอะไรก็กิน ให้อิ่มพอดี ถ้าไม่ใช่บุฟเฟต์อย่ายัด! (ถ้าบุฟเฟต์ก็อีกเรื่องนะ แต่อย่าไปกินบ่อยล่ะ) ถ้าอยู่บ้านใช้พลังงานน้อยๆ ก็จะกินน้อยมากจนแม่งง แต่ไม่รู้จะกินไปทำไมเยอะๆนี่นา ไม่ใช่บุฟเฟต์ซะหน่อย 555
  • รักษาสมดุล อันนี้ก็สำคัญ เช่น มื้อก่อน บุฟเฟต์ซะเต็มคราบ อีกมื้อก็ไม่ควรจัดหนักแล้ว ปกติเราจะอิ่มจนกินมื้อต่อไปไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่ถ้าหิวจริงๆก็กินของเบาๆแทน เพราะถึงหิวยังไงก็รู้สึกอึดอัดอะ ต่อให้อาหารย่อยแล้ว แต่มันยังค้างอยู่ในลำไส้นะ o_O หรือถ้าวันไหนเผลอตัวกินพวกเครื่องดื่มแก้วใหญ่ๆอารมณ์ประมาณ Starbuck ก็ตีซะว่ามันเป็นข้าวจานนึงไปซะ หิวอีกทีค่อยกิน (แต่ปกติเผลอกินหลังอาหารตลอด ก็เลยอดมื้อถัดไปแทน ถ้าไม่หิวนะ ^^)
  • กินขนมน้อย ขนมจำพวกเบเกอรี่ เค้ก ทั้งหลายแหล่ ตัวดีเลย ที่ยกตัวอย่างเจ้าพวกนี้มาเพราะทั้งแป้ง ทั้งน้ำตาล เพียบ แต่ความจริงคือเราไม่ค่อยชอบกินต่างหาก 555 (ยกเว้นเค้กที่อร่อย เนื้อเนียนๆ อันนี้ชอบ แต่ไม่ได้คลั่งไคล้ เพื่อนชวนไปก็กิน ไม่มีคนชวนก็ไม่กินอะ แต่เบเกอรี่นี่ถ้ากินก็คือกินแทนข้าวเลย)
    ชอบกินช็อกโกแลต ไอติม มันฝรั่งทอดมากกว่า แต่มันฝรั่งนี่ก็พยายามลดอยู่ เพราะมีแต่สารก่อมะเร็งทั้งนั้น ตั้งแต่พยายามงดพวกมันฝรั่งทอด น้ำหนักลงมาที่ 45 กิโล และทุกวันนี้ก็ยังกู้ไม่ขึ้น แล้วก็ ขนมพวกนี้ กินแต่พองามนะ สมัยเด็กๆเรากินช็อกโกแลตแทนข้าวเลย สมัยนั้นบวมฉุตัวกลมเลยทีเดียว ดีว่าไวกำลังโต ไม่ค่อยมีคนว่ามาก
  • กินเผ็ด อาหารเผ็ดช่วยเผาพลาญดีนะ แต่นี่เป็นแค่ออปชั่นเล็กๆ สำหรับคนที่กินเผ็ดได้ ปกติกินเผ็ดได้ระดับนึง แต่หลังๆเป็นโรคกระเพาะ ก็เลยลดลงไปเยอะเลย น่าเสียดายอาหารเผ็ดๆเหมือนกัน

คร่าวๆก็มีแค่นี้แหละ แต่เราค่อนข้างโชคดีตรงที่กรรมพันธุ์ไม่อ้วนมาตั้งแต่รุ่นยาย เผาพลาญดี น้ำหนักก็เลยไม่แกว่งมาก บวกกับที่บ้านทำกับข้าวกินเองด้วย ก็เลยได้กินแต่ของมีประโยชน์ ปลาผักเน้นๆ ความจริงอยากได้น้ำหนักเพิ่มนะ แต่ดูท่าทางคงต้องใช้วิธีออกกำลังกายแล้วอะ

เห้อ~


Internship, DAY 15-16

ไม่มีอะไรจะพิมพ์มาก

แค่อยากจะบอกว่า

ตูไม่อยากแก้บั๊กแล้วโว้ยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!

มาฝึกงานทำให้รู้ว่า เราคงไม่เหมาะกับงานสายทำเว็บไซต์แน่ๆ เพราะปกติถ้าเจอบั๊ก ติดปัญหา เราะก็จะพยายามไปเรื่อยๆ มีไองานนี้นี่แหละที่ถอดใจจนแต้ม หนีไปเล่นทราเวียนล่ะเนี่ย

คิดไว้ว่าเรามี content ในหัวก็ควรจะรู้จัก present มันด้วย แต่จริงๆ ที่ปัญหามันไม่จบซะทีเพราะเจ้า IE นี่แหละ อินดี้ชะมัด เบราเซอร์อื่นก็แสดงผลปกติ มีแต่มันเนี่ยยยย แสรดดดดดดด ชั้นจะไปใช้บริการชาวบ้าน ไม่ทำเว็บเองแล้วแม่มมมม Orz

ขนาดให้พี่ต้องช่วยแล้ว อะไรก็แล้ว ยังไม่รอดเลยเจ้าค่ะ uninstall IE น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

อ่อ แล้วก็ วันศุกร์หรรษา พี่ต้องไม่มาออฟฟิศ เหมือนจะมีธุระที่อื่น สรุปคือวันศุกร์นี่เหมือนย้ายที่เล่นคอมเฉยๆอะ มาทำไมวะเนี่ย

หมดอารมณ์เขียน Blog ล่ะตู หึยๆ