13 สิงหาคม 2553

บ้านส้มตำ @หลังออฟฟิศแม่

อะแฮ่มๆ ในที่สุดข้าน้อยก็จะเริ่มรีวิวอาหารอย่างจริงจังซะที

พอดีวันนั้นพี่สุดที่รักรับเนติบัณฑิต แล้วโดนเรียกตัวไปแล้ว เลยต้องหาที่สิงสถิต จึงกลับไปออฟฟิศแม่แทนที่จะนั่งรอเหงือกแห้งอยู่หน้าสวนอัมพร แล้วพอมื้อเที่ยง แม่และญาติๆก็พามากินที่ร้านหลังออฟฟิศนี่จ้าา


ร้านนี้เป็นร้านส้มตำ ตกแต่งดูโมเดิร์นมาก แต่อย่าคิดว่าร้านส้มตำสไตล์เมืองกรุงจะไม่เผ็ดนะ ข้าน้อยจัดว่ากินเผ็ดใช้ไ้ด้อยู่ ยังทนความเผ็ดของร้านนี้ไม่ค่อยได้เลย...แต่ว่ามันอร่อยจริงๆฟ่ะ

ถ่ายรูปไม่เก่งหง่า ขออภัยด้วย แฮ่ๆ (ออกตัวก่อนๆ)



หน้าร้าน



ในร้าน



ตำกันสดๆ ต่อหน้าลูกค้าเลย



มาเสิร์ฟเลี้ยววว ><



มันคือตำซั่ว...หรือตำมั่ว ? เผ็ดมาก แต่อร่อยโคตร



ผักเคียง



ข้าวเหนียวนุ่มๆ (ลืมเปิดถ่ายข้างใน)



ตำมั่ว...หรือตำซั่ว ? ขนาดคนสั่งยังงง แยกไม่ออก



แกงอ่อม กินไปไม่มาก แต่อร่อยดี



ทอดมันหัวปลี อร่อยบัดซบ



น้ำจิ้ม เข้ากันกำลังดี



ปีกไก่ทอด กรอบนอกนุ่มใน อร่อยๆ


น้ำจิ้มมีให้เลือก 2 แบบ


จริงๆแล้วได้สั่งกระท้อนลอยแก้วมากินด้วย แต่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ รสชาติก็โอเคนะ (แต่ปกติไม่ค่อยชอบเท่าไหร่)


ความเห็นส่วนตัว: อร่อยใช้ได้เลย รสชาติแบบคาดไม่ถึงว่าลักษณะร้านจะขายอาหารเผ็ดจัดจ้านขนาดนี้ อย่างตำมั่ว(หรือตำซั่ว?) ใส่ปลาร้าลงไปแท้ๆยังปลื้มเลย ใส่ไม่มากแค่พอหอมปากหอมคอ (ปกติเกลียดปลาร้ามาก) โดยเฉพาะทอดมันหัวปลี เกิดมาไม่เคยกิน อร่อยโฮกกกก ปีกไก่ทอดได้กำลังดี ไม่แห้งเกิน กรอบอร่อย สุดยอดมาก ไม่จิ้มน้ำจิ้มยังอร่อยอะ

ราคา: ไม่รู้ แม่จ่าย ><

การเดินทาง: เนื่องจากไม่มีรถขับ จึงบอกไม่ได้ว่าขับมาไง แต่ถ้านั่งรถไฟฟ้าก็ให้ลงตรงสถานีสุรศักดิ์ ลงฝั่งตึก A.I.G. แล้วเลี้ยวเข้าตรงซอยโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนแล้ว...ไปไงต่อวะ 555 ดู googlemap เอาละกัน

เวลา: 11.00-22.00 น.

ติดต่อ: เผื่อไปไม่ถูก เพราะคนกินก็จำไม่ได้ว่าไปไง 026303486 ตามเบอร์นี้เลย

10 สิงหาคม 2553

ปล่อยชีวิต...

(คะแนนดิสครีททำตูจิตตก... Entry นี้เพ้อเจ้อมาก แนะนำว่าอย่าอ่าน)


ผ่านมา 8 ปี ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยข้ออ้าง...

ข้ออ้างที่จะหายใจทิ้งไปวันๆ
ข้ออ้างที่อยากจะหนีไปให้ไกลๆ
ข้ออ้างที่ไม่เข้าใจว่าจะตั้งใจทำอะไรให้สุดความสามารถไปทำไม


คนอย่างฉัน มาถึงจุดนี้ได้ ก็เหนือความคาดหมายจะแย่อยู่แล้ว....



พื้นฐานเดิมของฉัน ไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่เอาตัวรอดเก่งเป็นบ้า หึหึ...

สมัยประถมนั้น การบ้านแทบไม่เคยทำส่ง อาศัยแต่ว่าเรียนในห้อง

ไม่รู้ทำอีท่าไหน ได้อยู่ห้องคิงทุกปี



จุดพลิกผันในชีวิต อดีตอันเจ็บปวดถูกเฉลยให้เจ็บปวดยิ่งกว่า

แต่รอบข้างของฉันนั้นเต็มไปด้วยเพื่อนและครอบครัวอันเป็นที่รัก

ในตอนนั้น ฉันตั้งมั่นว่าฉันจะใช้ชีวิตอย่างดีให้สมกับที่พ่อแม่ฝ่าฟันอุปสรรคมา

แม้ว่าจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่น แต่ฉันก็จะมีชีวิตอยู่เพื่อพ่อแม่

ฉันขยัน ฉันตั้งใจสอบเข้า ม.1 แม้จะผิดหวังถึง 2 ที่ ฉันก็ยังคงสู้ต่อ

จนกระทั่งสอบติด ลบคำปรามาสได้ในที่สุด



ผ่านไปแค่ 2 ปี ... ฉันลืมความรู้สึกนั้นไปหมดแล้ว ความกดดันทั้งหลายทั้งมวลทำให้ฉันเครียดจนแทบจะบ้า อยากตาย อยากหนีไปให้พ้นๆ ฉันเริ่มไม่เข้าใจว่า...
ทำไม คนอย่างฉันต้องอยู่ตรงนี้
ทำไม คนอย่างฉันต้องทำอะไรแบบที่คนอื่นเขาทำกัน
ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม...
ฉันขวางโลกเกินไป ฉันเครียดเกินไป
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ตัวตนของฉันย้อนกลับมาำทำร้ายตัวเองได้อย่างร้ายกาจ

แต่เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา...อาจจะดีกว่า เพราะตัวตนของฉัน 'ทำร้าย' คนอื่นมาเยอะเหมือนกัน
ฉันพยายามที่จะเป็นอย่างที่ใครๆต้องการ...แต่ก็ได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น


สุดท้ายแล้วฉันก็คือฉันที่ต้องทรมานที่ทั้งอยากและไม่อยากเป็นตัวของตัวเอง




เวลาที่ผ่านมา ทำให้ฉันคิดได้ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ย้อนกลับเป็น 'อย่างเก่า' ไม่ได้อีก
ราวกับว่า ครอบครัวของฉัน...คงจะลืมตัวตนที่แท้จริงของฉันไปแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะแสดงออกว่าไม่คาดหวัง...แต่ฉันรู้ว่าพวกเขาหวังมาก
ส่วนฉันน่ะหรือ...เลิกหวังอะไรกับตัวเองไปนานแล้ว
จนกระทั่งเฮือกสุดท้าย ที่ว่าชีวิตมันแทบจะไม่มีอะไรให้เสีย ฉันนึกถึงพ่อกับแม่ แล้วฉันก็ต้องสู้ขึ้นมาอีกแม้ว่าในใจนั้นอยากจะตายๆไปให้พ้นๆก็ตาม



ชีวิตที่ถูกปล่อย ยึดเหนี่ยวอยู่กับความจริงที่ใครๆก็อยากจะลืมเพียงอย่างเดียว ฉันเลือกที่จะจำมันไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ให้ทำตัวไม่ดี แต่ฉันไม่อยากให้มันมาทำร้ายฉันอีก ฉันอยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น แต่ก็ทำได้แค่ครึ่งเดียว ฉันไม่พยายาม ไม่จริงจังกับอะไรมานานมากแล้ว


ฉันไม่อยากท้ออีกแล้ว มันนานเกินไปแล้ว ทรมานเกินไปแล้ว แม้เพื่อนๆจะรับรู้แต่คนที่จะช่วยได้ก็มีแต่เพียงตัวฉันเองเท่านั้น ฉันต้องเข้มแข็ง (ไปถึงไหน??)




บอกแล้ว Entry นี้ เพ้อเจ้อ อย่าอ่าน
ได้ระบายอารมณ์บ้างก็ดีเหมือนกัน


แม้ว่ามันจะไม่ได้เสี้ยวนึงเลยก็ตาม...


ปล. ไม่ว่าจะข้ออ้างใดๆ สุดท้ายฉันก็ต้องขยันให้ได้ (หลายคนบอกว่า แกก็พูดงี้ทุกปี ไม่เห็นจะขยันขึ้นเลย...สนิมกินไปแล้วนี่ฝ่า T^T)